เมนูเยอะเกินไป ลูกค้าเลือกไม่ถูก – วิธีคัดเมนูให้ขายดี (แบบทำได้จริง)

พูดกันตรงๆ—เมนู 6–8 หน้าไม่ได้ทำให้ขายดีขึ้นเสมอไป แถมทำให้ลูกค้าลังเล โต๊ะหมุนช้า ครัวทำงานพัง และต้นทุนบานปลาย เป้าหมายจริงๆ คือ “ลูกค้าเลือกง่าย + เรากำไรดี + ครัวทำทัน” บทความนี้พาไล่ทีละสเต็ป ตั้งแต่ดึงข้อมูลจาก POS ร้านอาหาร คิดกำไร ไปจนออกแบบเลย์เอาต์เมนูที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจไวขึ้น


1) ทำไมเมนูเยอะถึงขายได้ “น้อยลง”

  • ลูกค้าลังเล (Choice overload) → เวลาตัดสินใจนานขึ้น ยอดออเดอร์ไม่ได้สูงขึ้นตาม
  • ครัวซับซ้อน → สต็อกเยอะ ของเสีย (waste) สูง
  • โฟกัสกระจาย → โปรโมชั่นไม่ชัด “เมนูซิกเนเจอร์” ไม่เด่น
  • ต้นทุนอุปกรณ์/วัตถุดิบพุ่ง → กำไรต่อออเดอร์บางลง

เป้าหมายที่ควรตั้ง: ลดจำนวนเมนูลง ~25–40%, ทำให้ “เมนูทำเงิน” เด่นขึ้น, เพิ่มค่าเฉลี่ยบิล (AOV) 10–20%


2) เตรียมข้อมูลก่อนคัดเมนู

  1. ดึงยอดขาย 3–6 เดือนล่าสุดจาก ระบบ POS
    เอายอดขายต่อเมนู, จำนวนออเดอร์, เวลาออกอาหารเฉลี่ย
  2. คำนวณต้นทุนวัตถุดิบ (Food Cost) และ CM
    • Food Cost % = ต้นทุนวัตถุดิบ ÷ ราคา
    • CM (Contribution Margin) = ราคา – ต้นทุนวัตถุดิบ (ตัวนี้คือ “เงินเหลือ” มาช่วยจ่ายแรงงาน/ค่าเช่า/กำไร)
  3. ดูเวลาทำ (Make time) เพื่อคัดเมนูที่ช้าเกินไปในชั่วโมงพีค

ถ้าใช้ โปรแกรม POS ที่มีรายงานเมนู จะกรอง Top/Bottom เมนูเร็วมาก ประหยัดเวลาวิเคราะห์ไปเยอะ


3) คัดเมนูด้วย “Menu Engineering” (ง่ายแต่โคตรเวิร์ก)

จำแนกเมนูเป็น 4 กลุ่มจาก “ยอดฮิต” และ “กำไรต่อจาน (CM)”

กลุ่มความหมายทำอย่างไรต่อ
Starsขายดี + CM สูงดันให้เด่นขึ้น ใส่กรอบ “เชฟแนะนำ”, ภาพใหญ่, ตั้งเป็นคอมโบ
Plowhorsesขายดี + CM ต่ำปรับสูตร/ขนาดจาน/ราคา ให้ CM ดีขึ้น หรือขายคู่เพิ่มมาร์จิ้น
Puzzlesขายน้อย + CM สูงทำให้เด่นขึ้น, รีแบรนด์ชื่อเมนู, เปลี่ยนตำแหน่งในเมนู, ทำโปรทดลอง
Dogsขายน้อย + CM ต่ำตัดออก หรือเก็บไว้เฉพาะช่วง/ช่องทางเฉพาะกิจ

ทิปเร็ว: ใช้กฎ 80/20—มักมีไม่กี่เมนูที่ทำเงินเยอะสุด จง “จัดทางด่วน” ให้ลูกค้าเจอเมนูพวกนี้ก่อน


4) ลดความซ้ำซ้อนแบบไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกตัดสิทธิ์

  • ของคล้ายกัน เก็บตัวชนะ (เช่น สปาเกตตี 5 หน้า → เหลือ 2 ฮีโร่)
  • รวมไซซ์: ถ้าขาย S/M/L แต่ M วิ่งสุด → เหลือ M+L แล้วดันคอมโบ/ท็อปปิ้งแทน
  • แชร์วัตถุดิบ: เมนูใหม่ต้องใช้วัตถุดิบทับซ้อนกับตัวฮีโร่ ลดสต็อกค้าง

5) ออกแบบหน้าร้าน/เมนูให้ “เลือกง่าย-สั่งเร็ว”

  • หน้าแรก = ตัวทำเงิน: วาง Stars 3–6 รายการแรกสุด
  • ใส่กรอบ/ไอคอน “แนะนำ/ขายดี/เผ็ดน้อย” ช่วยตัดสินใจภายใน 3 วิ
  • ภาพสวยแต่พอดี: ไม่ต้องภาพทุกเมนู เลือกเฉพาะตัวทำเงิน
  • โซนราคา: วาง Anchor (เมนูไฮไลต์ราคาสูงกว่า) เพื่อทำให้ราคาหลักดูคุ้ม
  • ชื่อเมนูมีบุคลิก + บอกจุดเด่นสั้นๆ เช่น “ผัดไทยกุ้งสด เส้นเหนียวนุ่ม เตาถ่าน”

6) ตั้งราคาแบบจิตวิทยา (แต่ยังแฟร์)

  • Charm pricing: 159 แทน 160 (ถ้าแบรนด์ไม่หรูจัด)
  • Decoy: เพิ่มตัวเลือกพรีเมียมสูง เพื่อทำให้ตัวกลางดูคุ้ม
  • Bundle/Combo: จับคู่ “กำไรสูง” + “ยอดฮิต” แล้วตั้งราคาแพ็กให้ต้านส่วนลดแพลตฟอร์ม

7) ทดสอบจริงแบบไวๆ (A/B Testing)

  • เวอร์ชัน A: เมนูเต็มปัจจุบัน
  • เวอร์ชัน B: เมนูคัดแล้ว + เค้าโครงใหม่
  • รัน 2 สัปดาห์ เปรียบเทียบ AOV, เวลาตัดสินใจ, %ขายเมนูแนะนำ ผ่านแดชบอร์ด ระบบ POS หรือเมนูดิจิทัล/QR

8) ตัวอย่างสั้นๆ: จัดหมวดด้วยข้อมูล (สมมติ)

เมนูราคาต้นทุนCMออเดอร์/เดือนจัดกลุ่มแผน
ข้าวกะเพราเนื้อ853253520Starภาพใหญ่+คอมโบไข่ดาว 15 บาท
ผัดไทยกุ้งสด1205565210Puzzleย้ายขึ้นหน้าแรก เปลี่ยนชื่อ “ผัดไทยเตาถ่าน”
สลัดทูน่า996138340Plowhorseเพิ่มท็อปปิ้งอะโวคาโด +15
ซุปเห็ดทรัฟเฟิล1491103935Dogตัดออก/ทำเฉพาะฤดูกาล

9) KPI ที่ต้องวัดหลังคัดเมนู (ตั้งเป้าไว้เลย)

  • AOV: +10–20%
  • Food Cost % เฉลี่ย: ลด 2–5 จุด
  • Waste: ลด 15–30%
  • สัดส่วนยอดขายจาก Stars: ≥ 60% ของยอดรวม
  • เวลาออกอาหารช่วงพีค: ลดลง 10–20%
    ดูผ่านรายงานใน POS ร้านอาหาร จะง่ายและเที่ยงตรง

10) Roadmap 30 วัน (เอาไปใช้ได้ทันที)

  • สัปดาห์ 1: ดึงข้อมูลจาก ระบบ POS → คำนวณ CM → จัด 4 กลุ่ม
  • สัปดาห์ 2: ตัดซ้ำซ้อน ปรับสูตร/ขนาด/ราคา ทำภาพเมนูฮีโร่
  • สัปดาห์ 3: จัดเลย์เอาต์ใหม่ + ตั้งคอมโบ + ออนโปรเฉพาะ Puzzle
  • สัปดาห์ 4: A/B test + เก็บ KPI → สรุปเวอร์ชันชนะ แล้วเทโปรโมท

เช็กลิสต์ “เมนูขายดี ลูกค้าเลือกง่าย”

  • เมนูรวม ≤ 60 รายการ (หรือ ≤ 12–20 ต่อหมวด)
  • มี “เมนูซิกเนเจอร์” ชัด 3–6 รายการ
  • ทุกเมนูฮีโร่มีภาพ+คำบรรยาย 1 บรรทัด
  • มีคอมโบ/อัปไซซ์/ท็อปปิ้งที่มาร์จิ้นดี
  • หน้าแรกวาง Stars เท่านั้น
  • KPI และรายงานเชื่อมกับ โปรแกรม POS

FAQ: คัดเมนูแล้วลูกค้าบ่นไหม?

ถาม: กลัวลูกค้าประจำหาเมนูเดิมไม่เจอ
ตอบ: เก็บไว้เป็น “เมนูลับ/เฉพาะฤดูกาล/สั่งได้ที่เคาน์เตอร์” ก็ยังรักษาฐานแฟนได้

ถาม: ร้านเล็กๆ ต้องทำวิเคราะห์ขนาดนี้เลยเหรอ
ตอบ: ไม่ต้องฟูลคอร์ส ใช้แค่ยอดขายจาก POS + ต้นทุนคร่าวๆ ก็พอจะรู้ Star/Dog แล้ว

ถาม: ต้องถ่ายรูปใหม่ทุกเมนูไหม
ตอบ: ไม่จำเป็น ถ่ายเฉพาะเมนูทำเงิน ให้ภาพคม แสงดี พื้นหลังสะอาดพอ

ถาม: ปรับราคาแล้วลูกค้าหนีไหม
ตอบ: ถ้าปรับพร้อม “คุณค่าที่ชัด” (ส่วนผสมดีขึ้น, จานใหญ่ขึ้น, คอมโบคุ้มขึ้น) ลูกค้ายอมรับได้


สรุปแบบไม่อ้อมค้อม

เมนูเยอะ ≠ ยอดเยอะ เสมอไป ใช้ข้อมูลจาก ระบบ POS ร้านอาหาร คัดเมนูเป็น 4 กลุ่ม ปรับสูตร/ขนาด/ราคา ออกแบบเมนูให้ “พาเลือก” แล้วทดสอบจริง คุณจะได้ร้านที่ สั่งง่าย ครัวลื่น กำไรแน่น แบบจับต้องได้ใน 30 วัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *